วิเคราะห์ราคาชิ้นงานสามมิติ

การตั้งราคาขายชิ้นงานสามมิติในปัจจุบันจะเห็นว่ามีราคาที่ค่อนข้างสูง เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นการจ้างเพื่อพิมพ์งานโปรโตไทป์เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งต้นทุนส่วนหลักเกิดจากส่วนเซ็ตงาน และส่วนน้อยเกิดจากวัสดุและค่าใช้เครื่องพิมพ์

ลองทำกราฟเล่นๆ ขึ้นเพื่อมองต้นทุนทั้ง 2 อย่าง เพื่อลองดูว่าปัจจัยอะไรทำให้ต้นทุนทั้ง 2 อย่างนี้แตกต่างกันบ้าง

สำหรับต้นทุนส่วนเซ็ตงาน สมมติให้ใช้มีค่าใช้จ่ายคอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ และเครื่องพิมพ์แบบเดียวกันไว้ก่อน และลองดูว่าถ้าค่าเช่าสถานที่ เปลี่ยนจาก 10 บาทต่อชั่วโมง (ต่อเติมห้องเล็กๆ ในบ้าน) จนเป็น 200 บาทต่อชั่วโมง และค่าแรงช่างประจำเครื่อง (หรือเจ้าของร้านพิมพ์) เปลี่ยนไปจากเดือนละ 15000 จนถึง 6 หมื่นบาท จะทำให้ค่าเซ็ตงานเปลี่ยนไปอย่างไร

จะเห็นว่ามีความแตกต่างตั้งแต่ 500 บาทจนถึง 3000 บาท ขึ้นกับว่าไปพิมพ์ที่บ้าน หรือลงทุนเช่าร้าน และเจ้าของร้านคิดค่าแรงตัวเองไว้มากน้อยแค่ไหน

เมื่อเซ็ตเครื่องเสร็จแล้วต้นทุนอีกส่วนคือในส่วนเครื่องพิมพ์และวัสดุพิมพ์ สมมติให้ระยะเวลาพิมพ์งานเท่ากัน และลองเปลี่ยนราคาเครื่องพิมพ์ และการใช้ประโยชน์พิมพ์งานดู

จะเห็นว่าถ้าสามารถหางานป้อนให้เครื่องพิมพ์ทำต่อเนื่องวันละ 10 ชั่วโมงขึ้นไปแล้ว ต้นทุนที่เกิดจากเครื่องพิมพ์แทบจะใกล้เคียงกันมาก คือประมาณ 1-2 บาทต่อกรัม ตัวอย่างเช่น ของเล่น 20 กรัม ถ้าพิมพ์ด้วยเครื่องราคา 8 พันบาทจะมีต้นทุน 20 บาท ขณะที่ถ้าพิมพ์ด้วยเครื่อง 6 หมื่นจะมีต้นทุน 36 บาทซึ่งต่างกันน้อยมากในงานโปรโตไทป์

ยกตัวอย่างการพิมพ์ของเล่น หนัก 40 กรัม ใช้เวลาสร้างแบบ 2 ชั่วโมง ทดลองพิมพ์อีก 3 ชั่วโมง มีของเสีย 40 กรัม และพิมพ์งานจริงอีก 5 ชั่วโมง

ร้าน 1: อยู่ที่บ้าน เพิ่งจบใหม่คิดค่าแรงตัวเอง 15000 บาทต่อเดือน ใช้เครื่องพิมพ์ราคา 64000 บาท และรับงานได้ต่อเนื่อง 10 ชั่วโมงต่อวันเป็นประจำ 5 วันต่อสัปดาห์ สำหรับการทำของเล่นนี้ ต้นทุนร้านนี้คือ 500 + 72 = 572 บาท

ร้าน 2: เช่าคูหาในห้างเดือนละ 32000 ตั้งค่าแรงตัวเอง 60000 บาทต่อเดือน ใช้เครื่องพิมพ์ราคา 32000 บาทรับงานได้วันละ 7 ชั่วโมงเป็นประจำทำงานทุกวัน ต้นทุนร้านนี้คือ 2800 + 60 = 2860 บาท

เพื่อให้ได้กำไร 20% ของราคาขาย ราคาของทั้ง 2 ร้านจะเป็น 715 บาท (ร้าน 1) และ 3575 บาท (ร้าน 2) ถ้าลองหารเป็นราคาต่อนาทีแบบที่เห็นบางร้านแจ้งไว้จะได้ 2.3 บาท/นาที (ร้าน 1) และ 12 บาท/นาที (ร้าน 2)

ลองมองย้อนขึ้นไปจะเห็นว่าความแตกต่างของการพิมพ์โปรโตไทป์ของทั้งสองร้าน ไม่ได้เกิดจากที่ว่าใช้เครื่องสเป็คดีหรือต่างกัน แต่เกิดจากต้นทุนในส่วนออกแบบและสถานที่มากกว่า

อีกมุมมองนึง หากการพิมพ์ไม่ใช่ชิ้นงานชิ้นเดียว แต่มีการพิมพ์ซ้ำจนได้งาน 100 ชิ้นละก็ ต้นทุนร้าน 1 จะเป็น 7700 บาท (สำหรับ 100 ชิ้น) และต้นทุนร้าน 2 จะเป็น 8800 บาท ซึ่งถ้าตั้งกำไรลักษณะเดียวกันกับข้างต้น ราคาขายต่อชิ้นของร้าน 1 จะเป็น 96 บาท และราคาขายของร้าน 2 จะชิ้นละ 110 บาทซึ่งจะใกล้เคียงกันมาก (เป็นการคิดคร่าวๆ โดยไม่นำค่าใช้จ่ายจากสถานที่มาลงไปกับต้นทุนชิ้นงานที่เครื่องกำลังพิมพ์ซ้ำ ซึ่งจะเป็นจริงกรณีที่ร้านมี 2 เครื่อง เครื่องนึงไว้เซ็ตงาน อีกเครื่องไว้ทำซ้ำสลับกัน)

อาจจะกล่าวได้ว่า “จำนวนงานพิมพ์ซ้ำสำคัญอย่างมากกับต้นทุนในการพิมพ์สามมิติ” ถ้าเป็นไปได้อยากชวนผู้ที่มีเครื่องพิมพ์สามมิติว่างๆ มาพิมพ์ชิ้นงานซ้ำให้เกิดการใช้งานของเครื่องพิมพ์ให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับทั้งผู้ซื้อและผู้พิมพ์ชิ้นงาน